อาการทารก : วิธีรับมือกับ "อาการโคลิคในทารก” (อาการโคลิคในเด็ก)

วิธีรับมือกับอาการ “โคลิค” ในทารก

  ลูกร้องลั่นบ้าน! จนหน้าแดงก่ำ ร้องยาวนานไม่มีท่าทีจะหยุดง่ายๆ หรือเรากำลังเจอกับ “อาการโคลิค” มาดูวิธีรับมือกันค่ะ

  ***“ภาวะโคลิค” หรือที่หลายครอบครัวมักจะเรียกว่า “เด็กเห็นผี” เพราะอาการนี้ทารกจะร้องไห้อย่างยาวนานติดต่อกัน 3 ชั่วโมงต่อวัน และเกิดขึ้นมากกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ค่ะ โดยที่เราไม่สามารถปลอบให้ลูกหยุดร้องได้ อาการนี้เกิดขึ้นเพราะมีความผิดปกติในร่างกายทารก ทำให้ลูกของเราไม่สบายตัวและร้องไห้อย่างหนักหน่วงซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับการเห็นผีค่ะ เรามาดูสาเหตุของอาการนี้กันค่ะ***

สาเหตุของ “ภาวะโคลิค”

  ภาวะโคลิคในเด็กเล็กอาการของทารกจะร้องไห้จนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง ขาขดขึ้นมาถึงหน้าท้องและกำมือแน่น ท้องมีความแข็งและบวม นี่คือลักษณะของอาการโคลิคค่ะ โดยเกิดขึ้นจาก

สาเหตุที่ 1 อาการกรดไหลย้อน 

  เพราะทารกแรกเกิดหูรูดกระเพาะอาหารส่วนปลายยังทำงานได้ไม่เต็มที่ จึงทำให้เกิดอาหารไหลย้อนกลับและมีอาการจุกแสบช่วงอกค่ะ

สาเหตุที่ 2 กลืนอากาศ

  เกิดขึ้นได้ทั้งการกินนมจากเต้าและการกินนมจากขวดค่ะ ถ้าคุณแม่ไม่ได้จัดท่าทารกให้กินนมในท่าที่ถูกท้องจะทำให้ลูกดูดอากาศแทนน้ำนม รวมไปถึงรูของจุกดูดนมถ้าเล็กจนเกินไปจะทำให้ลูกใช้แรงดูดสูงแล้วอาจดูดกลืนอากาศภายนอกเข้าไปได้ด้วย

สาเหตุที่ 3 แพ้โปรตีนในนม

  อาการแพ้นมวัวมักจะเกิดขึ้นกับทารกที่กินนมจากขวดหรือกินนมแบบผงค่ะ โดยส่วนมากทำจากนมวัวทำให้เกิดอาการแพ้และเป็นท้องอืดปวดท้องได้

สาเหตุที่ 4 กินนมมากจนเกินไป!

ปริมาณการให้นมนั้นสำคัญมากค่ะ ถ้าให้มากจนเกิดไปจะทำให้กระเพาะของลูกทำงานหนัก จนเกิดอาการอาเจียนตามมาซึ่งนำไปสู่อาการปวดท้องได้อีกด้วย

วิธีรับมือกับ “ภาวะโคลิค” ในทารก

  แม้ว่าปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาภาวะนี้ที่หายขาดแต่คุณพ่อคุณแม่สามารถบรรเทาอาการนี้ให้ลูกเราได้ค่ะ เริ่มจากจับลูกเรอหรือผายลมทุกครั้งหลังกินนมเพื่อลดอาการท้องอืดให้ทารก

  ถ้าสำหรับลูกที่ฝึกกินนมผงต้องระวังเรื่องการผสมให้ดีนะคะ ควรให้นมผงละลายเข้าที่กับน้ำสนิทไม่อย่างนั้นฟองอากาศที่เกิดจากผงนมที่ไม่ละลาย จะเข้าไปทำให้ทารกท้องอืดและปวดท้องได้ ที่สำคัญปริมาณน้ำนมแต่ละวันต้องเหมาะสมตามน้ำหนักและอายุของลูก ไม่ควรให้มากจนเกินไปค่ะ

  ***โดยปกติอาการโคลิคจะค่อยๆ หายไปเมื่อทารกเติบโตขึ้นค่ะ โดยเฉลี่ยประมาณ 3-4 เดือน การร้องไห้จะลดลงไปเรื่อยๆ ระมัดระวังเรื่องปริมาณนมและอย่าลืมอุ้มลูกเรอทุกครั้งหลังกินนมนะคะ***

“พัฒนาการของลูก พ่อแม่มีบทบาทมากที่สุด”